สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 41 ประจำฤดูกาล 2567/68
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 41 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน
1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการรีโว่ คัพ (รอบชิงชนะเลิศ) วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสร ลำพูน วอริเออร์ พบ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
เหตุการณ์ที่ 1 ในนาทีที่ 90+8 หลังจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำจากการเตะจุดโทษ ผู้เล่นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้วิ่งไปแสดงอาการดีใจบริเวณมุมธงใกล้ อัฒจันทร์ด้านทิศเหนือ ทำให้กองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ บริเวณนั้นเกิดความไม่พอใจกลุ่มผู้เล่นของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงได้ขว้างปาแก้วน้ำและน้ำแข็งลงมาในสนามบางส่วนตกไปโดนช่างภาพและถูกผู้เล่นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
โดยมีภาพเหตุการณ์ปรากฏในถ่ายทอดสด และตามสื่อออนไลน์ ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นพบว่า มีผู้เล่นหมายเลข 16 นายเคนเน็ต วิลเลียม ดูกอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เดินไปหยิบแก้วน้ำที่ตกบนพื้นสนามบริเวณมุมธง ปากลับขึ้นไปบนอัฒจันทร์หลังประตูที่นั่งของกองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ จำนวน 1 แก้ว
ทำให้กองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ ที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของ นายเคนเน็ต วิลเลียม ดูกอล จึงได้ปาแก้วน้ำและน้ำแข็งกลับลงใส่ผู้เล่นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวนมากและปาต่อเนื่องลงมาในพื้นสนามเป็นเวลานาน ทำให้ผู้เล่นสโมสรลำพูน วอริเออร์ ต้องช่วยกันเข้าไปแจ้งผู้เล่นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว และขอความร่วมมือกองเชียร์ของตนให้หยุดปา รวมทั้งผู้ตัดสินได้เป่าเรียกผู้เล่นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และรีบกลับมาทำการแข่งขันต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 ตามรายงานของผู้ตัดสิน ในนาทีที่ 90+9 ขณะที่กำลังจะเริ่มทำการแข่งขันต่อ ได้รับแจ้งจากทางผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ว่าถูกกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามอัฒจันทร์หลักปาก้อนน้ำแข็งโดนบริเวณศีรษะ ผู้ตัดสินได้สั่งชะลอการแข่งขันชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควบคุมสถานการณ์ ประกอบกับมีการขอเปลี่ยนตัวของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเมื่อผู้ตัดสินเห็นว่าเหตุการณ์พร้อมแข่งขันแล้ว จึงเป่าให้เริ่มการแข่งขันต่อในนาทีที่ 90+12 ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดมีการชะลอเวลาประมาณ 1-2 นาที
เหตุการณ์ที่ 3 หลังเสร็จจบการแข่งขันในช่วงระหว่างพิธีการมอบถ้วยรางวัล ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีการจุดพลุแฟร์ไฟสีแดง จำนวน 2 ลูก ปรากฏเป็นกลุ่มควันลอยเข้ามาในสนามแข่งขัน ใช้เวลาจุดประมาณ 2 นาที โดยบริเวณที่จุดเป็นพื้นที่ว่างหลังอัฒจันทร์ด้านทิศเหนือของสโมสร ลำพูน วอริเออร์ ซึ่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าเป็นกลุ่มกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ เป็นผู้จุด โดยสังเกตว่ากลุ่มที่จุดสวมใส่ชุดดำมีผ้าพันคอเชียร์ของกลุ่มกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ และบางส่วนใส่ชุดแข่งขันของสโมสร ลำพูน วอริเออร์ สีขาวอยู่ในกลุ่มดังกล่าว
ผลพิจารณาโทษ
กรณีที่ 1 นาทีที่ 90+8 ลงโทษกองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์โซน N ทิศเหนือ ขว้างปาแก้วน้ำและน้ำแข็งลงมาในสนาม ตกไปโดนนักกีฬาและช่างภาพ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 60,000 บาท
กรณีที่ 2 นาทีที่ 90+9 ลงโทษกองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์โซน E1-3 ได้ปาก้อนน้ำแข็งโดนบริเวณศีรษะของผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 60,000 บาท
ดังนั้น กรณีที่ 1 และ 2 ปรับเงินกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ เป็นเงิน 120,000 บาท เนื่องจากกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ กระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษอีกไม่เกินกึ่งหนึ่งของกำหนดโทษที่จะลง จึงเพิ่มโทษกองเชียร์สโมสร ลำพูน วอริเออร์ ปรับเงินเพิ่มอีก 60,000 บาท รวมโทษปรับเงินทั้งสิ้น 180,000 บาท
กรณีที่ 3 นาทีที่ 90+8 ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 16 นายเคนเน็ต วิลเลียม ดูกอล สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงกิริยาที่สังคมทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชนและกระทำการยั่วยุ อันอาจเป็นเหตุนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยในสถานที่จัดการแข่งขันได้ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.8 ถูกพักการแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 30,000 บาท
กรณีที่ 4 ลงโทษกองเชียร์สโมสรลำพูน วอริเออร์ ได้จุดพลุแฟร์ในสถานที่จัดการแข่งขัน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.3 ปรับเงิน 30,000 บาท
ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 1.8 แสดงกิริยาหรือแสดงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สังคมทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน หรือกระทำการยั่วยุ ข่มขู่ อันอาจเป็นเหตุนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยในสถานที่จัดการแข่งขันได้ หรือแสดงกิริยาหรือแสดงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สังคมทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสม ต่อบุคคลใด ทั้งก่อน ระหว่าง หรือหลังการแข่งขัน ถูกพักการแข่งขัน 1 ถึง 2 นัด ปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท
ข้อ 4.3 ใช้วัสดุอุปกรณ์ใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการรบกวนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หรือนักกีฬาฟุตบอลระหว่างการแข่งขัน เช่น การเป่านกหวีด หรือการใช้แตร หรือการใช้แตรไฟฟ้า หรือฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น หรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน ได้แก่ การจุดพลุ หรือจุดประทัด หรือจุดไฟเย็น หรือจุดวัตถุอื่นจนเกิดเป็นควัน หรือจุดพลุบริเวณที่ว่างด้านหลังของอัฒจันทร์ ทั้งก่อน หรือระหว่าง หรือหลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
หากผลจากการกระทำตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลใด หรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือสถานที่ใด องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่กระทำ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 70,000 บาท ถึง 150,000 บาท และต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับอันตราย และค่าเสียหายของทรัพย์สินหรือสถานที่ รวมทั้งอาจถูกพิจารณาเพิ่มโทษ
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
บทที่ 3 ระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท สำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ และรายการกีฬาฟุตบอลอื่น ๆ ของสมาคม
ข้อความว่า “กรณีที่องค์กรสมาชิก (ทีม) นักกีฬาฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ขององค์กรสมาชิก หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขัน กระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษอีกไม่เกินกึ่งหนึ่งของกำหนดโทษที่จะลง”